บทความ Sathu9
บทความและสาระดีๆ มากมาย

ไลฟ์สไตล์
มาทำความรู้จักกับ โรคลิสเทอเรีย (Listeria) คืออะไร
โรคลิสเทอเรีย เป็นชื่อกลุ่มของแบคทีเรียที่มักพบในดิน น้ำ และสัตว์เลี้ยง รวมถึงสัตว์ป่าบางชนิด เช่น วัว หรือสัตว์ปีก โดยลิสเทอเรียสายพันธุ์โมโนไซโตจิเนส เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อผ่านทางอาหาร
โรคติดเชื้อลิสเทอเรีย สามารถพบได้ใน ดิน ปุ๋ย อาหารสัตว์ และแหล่งน้ำทั่วไปในธรรมชาติ และยังสามารถพบได้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทั้งสัตว์ป่าและสัตว์บ้าน นกหลายชนิด หอย ปลา และคนบางคน ก็เป็นรังโรคนี้ได้ โดยจะพบเชื้อนี้อยู่ในอุจจาระของสัตว์ คน

โรคลิสเทอเรีย คืออะไร
โรคเชื้อลิสเทอเรีย คือ การติดเชื้อร้ายแรงที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนแบคทีเรีย แบคทีเรียเหล่านี้พบได้บ่อยที่สุดในเนื้อที่ปรุงไม่สุกและผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพลาสเจอร์ไรท์ เชื้อลิสเทอเรีย เป็นโรคร้ายแรงระบบาสาธารณสุขเป็นการติดเชื้อที่ไม่ที่ธรรมดา ทุกคนสามารถติดเชื้อได้ ทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่ค่อยป่วยหนัก ก็สามารถติดได้เช่นกัน
สตรีมีครรภ์และทารกในครรภ์มีความเสี่ยงสูง หากติดเชื้อลิสเทอเรียทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด การแท้งบุตร หรือการตายคลอด ทารกแรกเกิดสามารถป่วยหนักได้เนื่องจากผ่านการติดเชื้อจากมารดา ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอก็มีความเสี่ยงสูง รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น มะเร็ง เอดส์ ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ และผู้สูงอายุ ระยะฟักตัวของโรค 1 – 90 วัน
การติดเชื้อชนิดนี้จะเกิดกับประเทศที่เจริญแล้วทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา มีรายงานจาก ซีเอ็นเอ็น กล่าวอ้างว่า ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับโรคระบาด ลิสเทอเรีย ที่กำลังระบาดใน 11 รัฐ ซึ่งที่มาอาจเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์นมหลายสิบชนิด โรคลิสเทอเรีย เป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับสามในประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 260 คนล้านต่อปี ตามข้อมูลจาก CDC ถึงแม้ว่าจะมีการรรักษาที่เพียงพอ แต่โรคนี้มีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 20 – 30 % สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอ้างอิง

สาเหตุโรคลิสเทอเรีย
สาเหตุมาจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อ Listeria monocytogenes ลิสเทอเรีย พบได้ในดินและน้ำและสามารถเข้าสู่ผักดิบได้จากดินหรือจากปุ๋ย เชื้อลิสเทอเรีย ยังสามารถเข้าไปในเนื้อดิบและนมและอาหารแปรรูป เช่น เดลี่ชีส เนื้อเย็น และฮอทด็อก เป็นต้น
เชื้อลิสเทอเรียเป็นเชื้อที่สามารถอยู่ได้ในอุณหภูมิเย็นจัดที่ต่ำได้ถึง 0 องศาเซลเซียส จะเจริญได้ดีในช่วง 1- 45 องศาเซลเซียส เชื้อนี้ฆ่าตายด้วยความร้อนตั้งแต่ 70 องศา เซลเซียสขึ้นไปเป็นเวลานานอย่างน้อย 3 - 5 นาทีและด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหลายชนิดเช่น Sodium hypochlorite, สารประกอบในกลุ่ม Iodophor compound, และสารประกอบในกลุ่ม Ammonium compound อย่างไรก็ตาม เชื้อนี้มีชีวิตนอกร่างกายคนได้นานมากเมื่ออยู่ในแหล่งรังโรคของเชื้อนี้

อาการโรคลิสเทอเรีย
- มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัด โดยมีอาการเช่น มีไข้
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องร่วง
- ปวดแสบกระเพาะอาหาร
** หากแบคทีเรียเข้าสู่ระบบประสาท อาจมีอาการแย่ลง ปวดศีรษะ คอเคล็ด ชัก สูญเสียการทรงตัว และกิดอาการสับสนขึ้นได้

การวินิจฉัยทางแพทย์
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติการบริโภคอาหาร น้ำดื่ม นม และ /หรือบริโภคผลิตภัณฑ์ต่างๆจากนม
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจเลือด เช่น ซีบีซี (CBC) เพื่อดูการติดเชื้อแบคทีเรีย
- การเพาะเชื้อ อาจจากสารคัดหลั่งจากแผลในตำแหน่งต่างๆ, จากเลือด, จากน้ำไขสันหลัง และ/หรือจากอุจจาระ และ
- อาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม เช่น การตรวจภาพอวัยวะที่ก่ออาการเช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวด์, เอกซเรย์- คอมพิวเตอร์(ซีทีสแกน) และ/หรือเอมอาร์ไอ ทั้งนี้ขึ้นกับอาการของผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์

การรักษา
- ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาล แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ วิธีนี้เป็นวิธีที่เร็วและเห็นผลมากที่สุด
- ทานยาปฏิชีวนะใช้เวลา 2 สัปดาห์
- ยาลดไข้เมื่อมีไข้สูง
- ยาแก้ปวดเมื่อ ปวดหัว หรือปวดเมื่อยเนื้อตัว
- การใช้ยาผงเกลือแร่ โออาร์เอส (ORS) เมื่อท้องเสีย
- การให้สารน้ำ/สารอาหารทางหลอดเลือดเมื่อกินหรือดื่มน้ำได้น้อย
** คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจต้องได้รับการรักษานานขึ้น เนื่องจากอาจมีโรคแทรกซ้อน หรือโรคนี้กลับมาอีกครั้ง

วิธีการป้องกัน
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทั้งหมดของผู้ป่วย (รวมถึงยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์และผลิตภัณฑ์สมุนไพร)
- แจ้งแพทย์ให้ทราบ หากผู้ป่วยยังมีอาการหลังจากทานยาปฏิชีวนะเสร็จ
- ปรุงอาหารจากสัตว์ทั้งหมดรวมทั้งไข่เนื้อสัตว์และสัตว์ปีกให้สุก
- ล้างผักและผลไม้ทุกชนิดให้สะอาดก่อนรับประทาน
- ล้างมือและอุปกรณ์ทำอาหารด้วยสบู่ร้อน น้ำหลังจากจับต้องอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสัมผัสกับของดิบและเนื้อสำเร็จรูป
- ห้ามหยุดทานยาปฏิชีวนะเอง
- ไม่ควรดื่มนมดิบที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ ดื่มนมที่พาสเจอร์ไรส์ ถูกความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
อย่างไรก็ตามควรระวังหรือป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวดีที่สุด หากมีอาการดังที่กล่าวอ้างไปยังข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอาการ เช็คดวงรายสัปดาห์ รายวัน เช็คเบอร์มงคล เซียมซีจากสำนักดัง เช็คธูปเลขเด็ด ได้ที่เว็บไซต์ สาธุเก้า ดอทคอม
อ่านเพิ่มเติม
1. ปักหมุดสายเที่ยว สถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เดือนมีนาคม 2567 ต้อนรับฤดูร้อน
2. ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ในช่วงหน้าร้อน ปี2567 เลี่ยง 'ฮีทสโตรก'
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เปิดประวัติ “น้องกิฟท์” เจ้าของตำแหน่ง Top3 RPG top sexy girl 2024

พาไปรู้จัก “มาโกโตะ มินามิ” เรซควีนสาวญี่ปุ่น ที่“บัวขาว”ยังหลุดโฟกัส

เปิดวาร์ป “เมย์ หน้าเป็ด ก็มาดิคร้าบ” สาวสวยในรายการดัง บอกเลยแซ่บมาก!

เปิดวาร์ป! "อี โบ-รา" นางแบบ-เน็ตไอดอลชาวเกาหลีใต้ หุ่นแซ่บเกินต้าน
ความคิดเห็น รายการ